Review SCOPAD MODEL SP0718

   
     หลังจากที่ได้มาเชยชมสมความตั้งใจ หากท่านใดไม่ทราบขอให้ลองไปอ่าน เมื่ออยากได้ Tablet pc ซักเครื่อง ตอนนี้ก่อนนะคะ และที่สัญญาไว้ว่าจะมารีวิวเล็กๆน้อยๆให้เป็นอีกหนึ่งข้อมูลสำหรับการตัดสินใจเลือกซื้อ Tablet pc ซักเครื่องของเพื่อนๆที่ได้อ่านบทความนี้  หวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์ต่อผู้ที่กำลังจะตัดสินใจซื้อล่ะค่ะ เนื่องจากข้อดีก็มากแต่ข้อเสียก็เยอะขึ้นอยู่ที่ว่าเพื่อนๆจะรับข้อเสียนั้นได้หรือเปล่าล่ะจ้า

     ก่อนอื่นต้องแจ้งก่อนว่า หลังจากหาข้อมูลในบอร์ดต่างๆตัวนี้ QC ค่อนข้างจะไม่ค่อยมีมาตรฐานเพราะเครื่องของแต่ละท่านไม่เหมือนกันบางเครื่อง wifi รับสัญญาญได้แรงแต่บางเครื่องรับสัญญาณได้ไม่ค่อยดีทั้งๆที่ซื้อมาพร้อมกันตั้งในที่เดียวกันการรับ wifi ยังไม่เท่ากันเลยค่ะ (บางท่านซื้อมา 2-3 เครื่องพร้อมกัน) หรือแบตบางเครื่องอึดบางเครื่องแป๊ปเดียวอันนี้จะรีวิวโดยยึดจากเครื่องที่เราซื้อมา
  
จากการที่ได้ลองใช้งานมาประมาณอาทิตย์นึงก็พอจะบอกเล่าข้อดีและข้อเสียเป็นข้อๆได้ดังนี้ค่ะ

ข้อดี 
1. วัสดุและการประกอบตัวเครื่อง - อันนี้ต้องชมเค้าจริงๆค่ะ ถ้าเทียบกับราคาแล้วถือว่าคุ้มมาก ด้านหลังจะเป็นอลูมิเนียมให้สัมผัสคล้ายๆไอแพดหนึ่ง และการประกอบก็ค่อนข้างแน่นหนา(ยกเว้นจอที่กดแล้วเงิบๆแต่มันไม่ได้เป็นทุกเครื่องนะคะเราจะรู้สึกได้ถ้ามีตัวเครื่องเปรียบเทียบ อันไหนมันเงิบมากก็ไม่ต้องเอาค่ะ)

2. จอ IPS ใสปิ้งๆ - กับราคา 3,000 บาทคุณได้จอ IPS ที่คมชัดไม่ว่าจะไว้ดูหนัง,ดู mv ,เล่นเกมส์คุ้มสุดๆไปเลยค่ะ

3. สเปกคุ้มราคา - ในราคา 3,000 บาทคุณจะได้
     3.1 android 4.1 (การใช้งานค่อนข้างลื่นไหล)
     3.2 A9 Dual Core 1.5GZ. (ค่อนข้างรวดเร็ว ใช้สองจอประมาณดู vdo พร้อมทำอย่างอื่นได้แต่สัดส่วนมันเพี้ยนนิดๆถ้าย่อจอน่ะค่ะ)
     3.3 Ram 1 GB
     3.4 Wifi
 
4. น้ำหนักเบา - พกพาง่าย


ข้อเสีย
1. กล้องไม่มีความชัด - กล้องมีดีกว่าไม่มีแต่อย่าเอาความคมชัดนะคะเพราะก็ไม่มีเหมือนกัน ถ้าท่านใดอยากใช้งานกล้องแนะนำเป็นตัวอื่นดีกว่าค่ะ

2. ไม่มี Bluetooth - ถือว่าน่าเสียดายตรงจุดนี้(เรากะเอามาฟังเพลงกับหูฟัง Bluetooth)

3. การจับ Wifi ไม่ค่อยเสถียร - คือถ้าใกล้ๆก็โอเคแต่ถ้าไกลออกมาหน่อยนี่สัญญาณเริ่มลดลงแต่บางเครื่องเค้าว่าก็จับสัญญาณ wifi ได้ดีนะคะ

4. แบตเตอรี่ - การแสดงเปอร์เซ็นต์แบตเหมือนโดนผีหลอก เพราะไม่ตรงบางทีชาร์จชม.นึงแจ้งว่าเต็มล่ะ ถ้ารักจะใช้ต้องชาร์จ 5ชม.อัพนะคะอย่าไปสนการแสดงเปอร์เซ็นต์แบตเพราะมันไม่ตรง ชาร์จ 5ชม.ใช้ได้ประมาณ 3-4 ชม. โดยส่วนตัวว่าน้อยไปนิด

5. ถ้าไม่ได้เล่นซักพักเครื่องจะดับไปเอง เซ็งมาก!!! ต้องมานั่งเปิด จากที่เราเคยใช้ไอแพด2 แล้วมาเจองี้เลยเซ็งไปเลยต้องมานั่งเปิด รอเครื่องบูทขึ้นมา แต่บางคนเค้าแก้ได้ต้องไป Root ซึ่งเราไม่ถนัดตรงนี้ค่ะ

6. ไม่มี HDMI ต่อออกจอใหญ่ไม่ได้


จากการลองใช้มาและขายกินไปแล้วนั้นพอจะสรุปได้ว่า
- แนะนำให้สอยเลยถ้าคุณ ถนัด Android ยอมรับกับปัญหาจุกจิกได้ ไม่เน้นพกพาออกข้างนอกเสียบปลั๊กเล่นหรือมีแบตพกพาติดตัว เอาไว้ดูซีรี่ย์,เล่นเกมส์ พอได้ และคุณไม่เคยมี Tablet มาก่อนกำลังมองหาเครื่องแรกมาลองเล่น ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีค่ะ

- ไม่แนะนำให้สอยถ้าคุณ เคยผ่านตัวท็อปของยี่ห้ออื่นมาก่อนและคุณไม่ถนัด Android รำคาญกับปัญหาจุกจิกต่างๆ (เหมือนเรา) เน้นพกพาออกข้างนอก แต่ถ้าอยากลองก็จัดโลดค่ะ แต่คงจะได้ขายต่อหรือยกให้ลูกหลานไว้เล่นในเร็ววันแน่นอนค่ะ
    

เมื่ออยากได้ Tablet pc ซักเครื่อง

      เรื่องมันเกิดขึ้นมาจากเมื่อเร็วๆนี้ได้ลองใช้โทรศัพท์ i-mobile Q3 สองซิม(จำเป็นต้องใช้สองเบอร์) แล้วติดใจในระบบ Android ในแง่ของการ Transfer file ต่างๆค่อนข้างง่ายเอาใส่การ์ดใส่เครื่องดูได้เลย(เป็นคนชอบดู mv korea,inter) ไม่ต้องมานั่งแปลงเหมือน iPad2 ที่ถึงแม้ว่าเราจะซื้อ App ดูไฟล์ได้หลากหลายแต่บางไฟล์มันก็ดูได้แต่ไม่สมูท แล้วเวลาจะเอาไฟล์ลงก็ต้องไปลงคอมที่บ้านลงที่ทำงานไฟล์+App หายหมด (เครื่องเราไม่ได้เจลเนื่องจากเราไม่ค่อยชอบเล่นเกมส์เท่าไหร่และเวลาเจลแล้วเราว่าทัช+การใช้งานไม่ลื่นเหมือนไม่เจล เคยเจลแล้วเอาออกไปล่ะ)

เนื่องจากจอโทรศัพท์มันเล็ก 4" ดู mv ไม่สะใจประกอบกับถ้าดูแล้วแบตหมดเร็วอีกจึงได้มองหา Tablet pc มาเป็นตัวช่วยตอนแรกที่หาข้อมูลอยากได้ของแบรนด์หน่อยเลยมอง SS tab2 7" wifi แต่หาซื้อยากและในการเริ่มต้นเราว่าราคาสูงไปเลยหาในอากู๋ไปเรื่อยๆจนได้พบกับ Tablet จีนที่ราคาถูกลงมาและสเปกสูงกว่า SS ซะอีก แต่ Tablet จีนก็มีทั้ง Brand House (Ainol,Onda) คือเป็นแบรนด์ที่มีคุณภาพในจีนและแบรนด์ไก่กาทั่วไป โดยได้ตั้งโจทย์ Tablet เครื่องแรกไว้ดังนี้

1. ขนาด 7" - จะได้พกง่าย,กระทัดรัด เนื่องจากมี iPad2 อยู่แล้วเลยตัดขนาด 9" ขึ้นไปออก
2. จอ IPS - เน้นดู mv เลยอยากได้จอคมชัด,สดใส
3. ดูไฟล์ 1080p ได้และรองรับไฟล์หลายนามสกุล
4. CPU Dual Core - เพื่อการประมวลผลที่รวดเร็ว
5. Ram 1GB - จะได้ไม่อืดมาก
6. ต่อ Flash Drive และ Keyboard,Mouse,AirCard ได้
7. แบตอึดซัก 4-5 ชม. (จริงๆอยากได้ 10ชม.เหมือนไอแพดแต่คงไม่มี -*-)
8. ต่อ HDMI ออกจอใหญ่ได้ก็ดี
9. งบประมาณ 4,000 บ. (+ - 1,000) ถ้าต่ำกว่าสี่พันก็ดี
10. วัสดุดูดีไม่ก๊องแก๊ง
11. มีประกันโดยบริษัทฯต่างๆ

จากที่ลองหาข้อมูลดูได้ในใจมา 2-3 ตัว  ดังนี้

- Ainol novo 7 fire - จอได้หมด IPS 1280x800,วัสดุก็โอเคฝาหลังเป็นอลู,กล้องหลัง 5 ล้าน กล้องหน้า 2 ล้าน(แต่เราไม่ซีเรียสเรื่องกล้องเพราะคาดว่าคงไม่ได้ใช้) ราคา 5,290-5,990 แล้วแต่ร้าน แอบเกินงบไปนิดแต่พอรับได้ ตอนแรกว่าจะเอาตัวนี้แต่เค้าว่ารอมศูนย์ยังไม่ค่อยนิ่งมีปัญหาจุกจิกต้องลงรอมโม เลยต้องตัดทิ้งไปเนื่องจากเรายังใหม่กับ Android เลยไม่อยากเสี่ยง

- Ainol novo Aurora II - ตัวนี้โอเคหมด ราคา 3,990-4,990 แล้วแต่เวบ (แต่ไม่ค่อยชอบวัสดุ) ใจคงสอยตัวนี้แล้วถ้าไม่เจอตัวข้างล่าง

- SCOPAD MODEL SP0718 - ตัวนี้ชอบวัสดุข้างหลังคล้ายไอแพดหนึ่ง จอใสปิ้ง IPS,DualCore,แบตเค้าว่าได้ประมาณ 4ชม.ชาร์จนานๆไม่ร้อนเท่า Ainol เห็นเค้าว่าไว้และที่สำคัญราคาถูก 2,990 ประกันหนึ่งปี Advice (แต่ไม่มี HDMI ต่อออกจอนอกไม่เป็นไรรับได้)






     สรุปวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (28/10/2555) นั่งรถไปพันธ์ทิพย์ Advive ชั้นสามเหลือเครื่องเดียวขอบจอส่วนดำๆมันเกินมา(ดูตอนแรกนึกว่ารอยตกเหมือนส่วนอลูมันกระเทาะ)เราเลยไม่เอา พนง.เลยแนะนำให้ไป Advice ชั้นสี่เหลือเครื่องสุดท้ายอีก(ขายดีอะไรขนาดนั้น -*-) พอลองทัชๆกดๆดูเรารู้สึกว่าจอมันยวบๆเงิบๆ พนง.บอกมันเป็นแบบนี้ทุกเครื่องเนื่องจากตรงจอไม่มีน็อตยึด(แต่เครื่องที่ชั้นสามที่ลองมามันไม่เป็นไง) พนง.เหมือนจะพูดดีประมาณว่า"ผมไม่บังคับขายพี่นะแล้วแต่พี่ แต่มันก็เป็นแบบนี้ทุกเครื่อง"พูดจาได้...มาก(แต่พี่ผช.ที่ดูมีอายุกว่าพูดจาดี) เราเลยขอให้โอนจากชั้นสามมาได้ไหม เนื่องจากเราจ่ายเงินไปแล้ว พนง.เลยไปเอาจากชั้นสามมาให้แบบไม่ค่อยเต็มใจ พนง.วัยรุ่นชายชั้นสี่นี่พูดจาไม่น่าฟังเลยสำหรับเรานะ แต่ท้ายสุดก็ได้มาครอบครองพร้อมเดินซื้อ Accessories ต่างๆ ที่เราเลือกมาซื้อที่พันธ์ทิพย์ก็เพราะอย่างนี้ล่ะ

สรุปโดนไป
เครื่อง SCOPAD MODEL SP0718 = 2,990
ฟิล์มแปะกันรอย เกรดฟิล์มร้าน = 200 (ฟิล์มของร้านที่รับติดเกรดดีกว่า เค้าว่างั้น ถ้าฟิล์มจีน 100-.)
กระเป๋าใส่แบบตั้งได้ = 300
สาย OTG = 100

เดี๋ยวจะมารีวิวให้นะคะสำหรับ Tablet SCOPAD MODEL SP0718
หวังว่าบทความนี้คงเป็นประโยชน์สำหรับเพื่อนๆที่เลือกซื้อ Tablet pc บ้างนะคะ

How to วิธีห่อปกหนังสือ

เนื่องจากที่เป็นคนชอบอ่านหนังสือมาก และชอบซื้อหนังสือและฟิคออนไลน์ เป็นคนรักหนังสือด้วย เมื่อก่อนเวลาซื้อหนังสือมา ทางร้านจะแถมปกพลาสติกสำเร็จรูปมาให้ด้วย แต่เป็นคนไม่ชอบปกสำเร็จรูปเพราะเวลาถืออ่านแล้วตรงกลางมันจะป่องๆเวลาอ่านก็ไม่สะดวก แต่อยากที่จะห่อปกหนังสือเพราะเป็นการถนอมหนังสือ ประจวบเหมาะกับเพื่อนได้ไปทำงานที่ร้านเช่าหนังสือการ์ตูน เลยได้วิชาห่อปกหนังสือการ์ตูนจึงนำมาถ่ายทอดต่อให้เรา(เหมือนเราจะดูหนังจีนมากไปแฮะ)  ต่อค่ะ แต่ว่าวิชาที่ได้มาเนี่ยสำหรับห่อการ์ตูนจำนวนเยอะๆและต้องการความรวดเร็ว เลยค่อนข้างที่จะไม่ประณีตและต้องติดสก็อตเทปบนปกหนังสือ(เมื่อก่อนเราก็ห่อแบบนั้นแหละ T^T เสียดายปกหนังสือมากเป็นรอยสก็อตเทปหนึบเลย)  พึ่งจะมาสำเหนียกได้ว่าควรจะปรับปรุงวิธีห่อหนังสือได้แล้ว และวิธีที่เอามาทำฮาวทูคือวิธีที่เรานำมาปรับปรุงใหม่สำหรับคนรักหนังสือเช่นเราค่ะ แต่เห็นมีพี่บางคนเค้าไม่ต้องใช้สก็อตเทปเลย แต่เราไม่สามารถ T^T  วิธีนี้ค่อนข้างประณีตและช้ากว่าแต่สำหรับเราคุ้มค่ะ เพราะหนังสือสวยน่าอ่านและกันน้ำได้ระดับนึง ก่อนอื่นไปดูอุปกรณ์กันเลยจ้า

- ม้วนพลาสติกสำหรับห่อหนังสือ ม้วนนึงห่อได้หลายร้อยเล่มเลยค่ะ คุ้มสุดๆ ของเราขนาด 9-6/8 นิ้ว
- ฟุตเหล็ก แนะนำว่าควรเป็นฟุตเหล็กเลยนะ เพราะเคยซื้อแบบอลูมิเนียมมาคิดว่าคัตเตอร์คงไม่กินเนื้อแบบไม้บรรทัดพลาสติก  แต่ตอนใช้ตัดไม่ตรงเลยค่ะ  เนื้ออลูมินียมมันลื่นไม่เหมือนฟุตเหล็ก เราซื้อที่ B2S เราว่าถูกดีนะแต่ต้องเลือกที่ B2S ผลิตเองนะคะ
- แผ่นรองตัดคัดเตอร์ เรามีแต่ขนาด A4 จริงๆอยากได้ใหญ่กว่านี้นะใครมีแหล่งซื้อแบบราคาย่อมเยาว์รบกวนชี้เป้าหน่อยจ้า แต่วันนี้ใช้ที่มีไปก่อน ^^
- คัตเตอร์คมๆ เราซื้อที่ร้าน 20 บาททุกอย่าง ทั้งแพ็คประกอบด้วยแบบเล็กอย่างในภาพ 2อัน แบบใหญ่ 2อัน แถมใบมีดอะไหล่อีกไซด์ละ 2ใบ 20บาทคุ้มมากมาย
- บัตรหรือการ์ดแข็งๆ ที่ไม่ใช้แล้ว
- สก็อตเทป เราใช้เมจิกเทปของ 3M แพงกว่าสก็อตเทปทั่วไปแต่คุ้มในระยะยาวเนื่องจากไม่ทำลายพื้นผิวเอกสารและไม่หลุดร่อน เค้าโฆษณาไว้ว่างี้นะ เราเชื่อคนง่าย ตอนนี้มีโปรซื้อ 1 แถม 1 ต้องรีบซื้อตุน ส่วนแท่นตัดเทป  เราซื้อร้าน 25 บาททุกอย่างใส่ได้พอดีเป๊ะ ไฮโซเหมือนแท่นที่ 3M ขายด้วยแต่อันนั้นหลักร้อยขึ้น
- หนังสือที่เราจะห่อจ้า ส่วนเราจะห่อฟิคที่เพิ่งซื้อมา เมื่ออุปกรณ์พร้อมก็เริ่มกันเลย

1. ตัดพลาสติกห่อ โดยกะขนาดให้เลยขอบหนังสือที่เราจะห่อมานิดหน่อย
ของเราเหลือข้างละเกือบ 2 นิ้ว

2. เปิดหนังสือพับพลาสติกเข้า และรีดให้เรียบ

3. ทำทั้งสองด้านเลยนะ ทั้งปกหน้าและปกหลัง

4. ระหว่างที่พับต้องดึงให้ตึงนะ ถ้าไม่ตึง พอห่ออกมาแล้วจะไม่สวยอย่างแรง

5. พอพับเข้าไปแล้วก็จะได้ออกมาเป็นเช่นนี้

6. เอียงคัตเตอร์ทำมุม 45 องศา กะๆเอาคงไม่ต้องถึงกับวัดหรอกเนอะ
กรีดฝั่งสันหนังสือนะ กรีดทั้งหัว-ท้าย หนังสือ

7. กรีดแล้วจะออกมาเป็นเช่นนี้แล

8. ตัดส่วนที่เรากรีดไว้ออก ขั้นตอนนี้คัตเตอร์ต้องคมนะคะ
เพื่อที่รอยกรีดจะได้สวยๆ

9. หาอะไรทับระหว่างตัดก็ได้ค่ะ จะได้ง่ายขึ้น และรอยที่เราพับจะไม่เลื่อนด้วย

10. หลังจากกรีดแล้วจะเป็นเช่นนี้จ้า แหม เล่มที่ทำฮาวทูเรากรีดสวยแฮะ 
(แอบชมตัวเอง 555+)

11. มาดูตรงมุมส่วนปกกันบ้าง กรีดตรงมุมออกเล็กน้อยค่ะ ตามรูป 
อันนี้เราลองมั่วๆจนได้มา  ปกติจะพับขึ้นไปเลย พอห่อแบบนั้นแล้ว
มุมหนังสือจะแหลมๆออกมาไม่เรียบสวย พอกรีดตรงมุมออก 
เวลาห่อเสร็จตรงมุมหนังสือทั้งสี่ด้านจะเนียน  
แต่อย่าให้คัตเตอร์กินมุมปกนะ เดี๋ยวจะแหว่ง

12. มุมปกเสร็จแล้ว มาดูส่วนด้านในปกกันบ้าง เอาการ์ดรองด้านในแล้วกรีดเฉียงลงมาโลด
อันนี้ก็เป็นอีกเทคนิคที่มั่วได้มา เพราะเคยพับไปเลยแล้วพลาสติกด้านในมันไม่เรียบ มันจะโป่งขึ้นมานิดนึง
ซึ่งเราต้องพับหลายหนมากกว่ามันจะเรียบ แต่ปัญหานี้จะหมดไปถ้าเรากรีดส่วนปกในทิ้งไป
กรีดให้พอดีกับขอบปกเลย ทีนี้เวลาพับก็จะง่ายขึ้น แต่ต้องระวังอย่ากรีดโดนปกนะจ๊ะเดี๋ยวจะไม่งาม

13. เมื่อกรีดเสร็จแล้วก็จะเป็นเช่นนี้แล

14. พับขึ้นไปเลย รีดให้เรียบกริบ แหม มันง่ายจริงๆ ไม่ต้องมานั่งกลัวว่าขอบจะโป่ง

15. แปะสก็อตเทปป้าปเข้าไป แปะเฉพาะตรงพลาสติก อย่าให้กินเข้ามาตรงปกนะคะ 
ทำขั้นตอนที่ 11-15 อีกสามมุมที่เหลือ ก็เรียบร้อย 
ได้หนังสือที่เราตั้งใจห่อ + สวยงาม มาเชยชมอีกหนึ่งเล่ม

งามจริงๆทั้งปกหน้า

ตรงมุมก็ไม่แหลมออกมา ให้รำคาญลูกตา

สันบนก็เรียบกริบ อิอิ

แว้บมาดูปกด้านในก็เนียนเชียว
 ขอจบการฮาวทูครั้งแรกแต่เพียงเท่านี้ ถ้าใคร งง ตรงไหนเม้นท์ถามได้จ้า
เราอาจจะอธิบายไม่เคลียร์ ครั้งหน้าจะปรับปรุงให้ดีกว่านี้ ขอบคุณที่แวะมาอ่านนะคะ

Review หนังสือ งานหนังสือ 26 มี.ค 54

     หลังจากที่ไม่รู้จะเขียนอะไรลง Blog เราก็นึกถึงเรื่องที่อยากเขียนได้แล้ว หลังจากวันนี้ที่ไปงานหนังสือมา เนื่องจากศูนย์สิริกิติ์ ใกล้ทั้งที่บ้านและที่ทำงานจึงสามารถไปเดินดูแล้วค่อยตัดสินใจกลับไปซื้อวันหลังได้ ได้เปรียบชาวบ้านชาวช่องก็ตรงนี้แหละ 555+ เนื่องจากเพิ่งวันที่ 2 ของการจัดงาน คนเลยไม่ค่อยเยอะมากเท่าใดนัก เดินสบายอยู่ รู้สึกว่าเด็กค่อนข้างเยอะเหมือนพ่อแม่พาลูกไปซื้อหนังสือ เรารู้สึกดีนะที่รู้ว่าเด็กไทยก็รักการอ่านด้วย โดยเฉพาะซุ้มนานมี บุ๊ค เด็กค่อนข้างเยอะเลย จริงๆสำหรับเด็กอ่านอะไรก็ได้นะสำหรับตัวเราให้เค้าอ่านเถอะ ไม่ว่าจะเป็นการ์ตูน นิยาย หรือเรื่องสั้น เพราะเป็นการปลูกฝังการรักการอ่านให้กับเด็ก พล่ามมาเยอะแล้วก็มาเปิดถุงที่ซื้อหนังสือมาซะที


ประเดิมด้วยนิยายยูริ (Yuri)

 

     
          1.เพียงเงา โดย วรกร ของ สนพ.สะพาน ราคา 330 บ.
เรื่องนี้ถือเป็นนิยายที่เราตั้งใจกำเงินไปซื้อเลยทีเดียว เพราะเคยอ่านที่ลงใน web มาก่อนและเนื้อเรื่องสนุกมากๆ ภาษาก็อ่านลื่นไหล แม้ว่าจะอ่านแล้วไม่ค่อยเม้นท์ให้คุณวรกร (ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ) แต่เราก็ไม่พลาดที่จะซื้อมาเก็บเป็นสมบัติส่วนตัว อ่านตอนลง Web แล้วยังเคยนึกอยากได้เป็นเล่มเก็บไว้เลย  เป็นคนที่อ่านหนังสือซ้ำได้หลายครั้ง เพราะฉะนั้นถ้าซื้อก็คุ้มเราล่ะ สำหรับเนื้อเรื่องถ้าใครอยากอ่านก่อนลองไปหาอ่านดูได้ค่ะ เพราะเราลองเขียนเกริ่นๆแล้วมันแหม่งมาก เดี๋ยวนิยายเค้าเสียหมด ถ้าชอบก็อุดหนุนเถอะค่ะ นิยายแนวนี้ค่อนข้างหาอ่านยากอยู่แล้ว ถือว่าเป็นการสนับสนุนนักเขียน  และในแบบรูปเล่มจะมี ตอนพิเศษที่ไม่ได้ลงใน Web อันนี้แหละที่เรารอคอย อิอิ กะว่าซื้อมาห่อปกและนอนอ่านอย่างสบายใจ 555+ ชอบหนังสือที่มีที่คั่นเข้าชุดกับหน้าปก และปกเรื่องนี้เราว่าสวยแบบคลาสสิกดีค่ะ

          2.ชู้ รวมเรื่องสั้น อยู่ในชุด She Erotic 03 (รวมนักเขียน) ของ สนพ.สะพาน ราคา 220 บาท
   เรื่องนี้หลงลมปากคนขาย ติดมากับเพียงเงาซะงั้น เห็นหน้าปกแล้วหัวใจจะวายถ้าท่านแม่มาหยิบไปอ่านล่ะตายเลย ไม่อยากจะคิด T_T'' สงสัยต้องหากระดาษมาห่อ พี่คนขายบอกว่าสนุกและจะได้ลองอ่านงานเขียนของนักเขียนหลายๆท่านซึ่งก็จริง เพราะเราถ้าติดงานเขียนท่านไหนแล้วก็จะติดตามอ่านผลงานของนักเขียนท่านนั้นทุกเล่ม เหมือนของคุณลลนล ซื้อทุกเล่มเลยยกเว้น Yes และ No ตอนแรกก็ว่าจะซื้อแต่ทาง สนพ.เปลี่ยนปกเป็นรูปดารานำในภาพยนตร์ของหนังเรื่องนี้ เลยไม่ซื้อเพราะส่วนตัวไม่ชอบปกนิยายที่เป็นรูปคน เดี๋ยวค่อยหาซื้อหน้าปกเก่าทีหลัง ออกทะเลไปนิด กลับมาก่อนตัวเธอ โอเคมาต่อกันกับ 'ชู้' ชื่อเรื่องก็นะออกจะแรงนิดนึง เรื่องนี้ยังไม่เคยอ่านเลยเดี๋ยวถ้าอ่านแล้วจะมาเม้นเพิ่ม พี่คนขายบอก สำหรับหน้าปกมีการเปิดโหวตด้วยว่าจะให้ยกทรงเป็นสีอะไรระหว่างชมพูกับดำ(ปกหลังจะเป็นมือผู้หญิงเอื้อมไปติดตะขอ ยกทรงสีดำสงสัยผลโหวตสูสี 555+) T_T ฟังแล้วอึ้ง ไอ้เราก็นึกว่าจะโหวตว่าเป็นครึ่งบน หรือครึ่งล่าง อิอิ (หื่นกว่าเค้าอีก)


วรรณกรรมคลาสสิค (สำหรับเรา)

     3.เมื่อคุณตาคุณยายยังเด็ก เล่ม 1-4 ของสนพ.บูรพาสาส์น ราคาเล่มละ 44 บาท
เซ็ทนี้ไปเจอปุ๊ปควักเงินแบบไม่ต้องคิดเลย คลาสสิคสุดๆ ตอนม.ต้นเคยอ่านแต่เล่ม 1-2 เพิ่งจะมารู้อีก 10 กว่าปีต่อมานี่แหละว่ามีเล่ม 3-4 ด้วย ต้องเกริ่นบอกเด็กรุ่นหลังนิดนึง (นาทีนี้รู้สึกตัวเองแก่มาก) ว่าเมื่อคุณตาคุณยายยังเด็กเคยเป็นหนังสืออ่านนอกเวลาของนักเรียนสมัยก่อนไม่แน่ใจว่าป.5-6 หรือ ม.1 เป็นเรื่องว่าด้วยคล้ายๆกับคุณตา คุณยายเล่าให้เราฟังว่าสมัยท่านเด็กๆ ท่านอยู่ยังไง เล่นอะไรบ้าง อาหารการกิน เชื่อว่าเด็กสมัยนี้ไม่น่าจะเคยได้อ่าน แนะนำมากๆ เหมือนเราได้ย้อนไปดูการใช้ชีวิตของปู่ย่าตายาย วัฒนธรรมสมัยก่อน หลายๆอย่างที่มีในหนังสือเด็กสมัยนี้ไม่น่าจะรู้จักแล้ว เราไปเดินงานหนังสือทุกปี แต่ไม่เคยเจอหนังสือเซ็ทนี้เลย ถือว่าโชคดีมากๆสำหรับเรา ว่าแล้วก็สอยมาเก็บเป็นสมบัติส่วนตัวอีก 1 เซ็ทแล้วราคาไม่แพงเลยสำหรับเรา เห็นแล้วก็นึกย้อนไปสมัยอยู่ ประถม มัธยม ถ้าเจอ มานะ มานี ชูใจ อีกนี่จะซื้ออย่างด่วนๆ (รู้กันหมดว่าเราแก่แล้ว) อีกเรื่องที่ประทับใจคือ อยู่กับก๋งซึ่งเป็นหนังสืออ่านนอกเวลาอีก 1 เรื่อง จำได้ว่าอ่านหลายรอบมาก และหนังสือก็หายไปกับกาลเวลา

      4.ทำไม?ต้อง iPod ราคา 20 บาท
 ถูกมาก สี่สีทั้งเล่ม แต่เป็นหนังสือเก่าตั้งแต่ iTune เวอร์ 6 ล่าสุด 10 แล้ว ส่วนตัวก็ใช้ iPod ด้วยค่อนข้างชอบแบรนด์นี้เป็นการส่วนตัว ซื้อง่าย ขายคล่อง เสียก็มีที่รับซ่อมเยอะแยะ ทน อึด ถึกสุดๆ ถือว่าซื้อมาดูรูปไอพอดรุ่นเก่าๆ ก็คุ้มแล้ว

                   
                              ถ่ายรวมอีกสักภาพเป็นที่ระลึก เดี๋ยวขอตัวไปห่อก่อนเน้อ

เวิ่นเว้อ

หลังจากที่มีความคิดว่าจะสร้าง Blog ของตัวเองก็ได้ทำสักที แม้ว่าจะทำที่ทำงานและในเวลางาน (ใครเค้าจะจ้างเราทำงานล่ะทีนี้) ยัง งง กับระบบนิดหน่อย ด้วยความไม่เคยมี Blog เป็นของตัวเอง แต่ไม่เป็นไร เราถือคติ ไม่มีใครรู้หรือทำอะไรเป็นตั้งแต่เกิด ฉะนั้นค่อยๆเรียนรู้ไป ยังไม่ได้วางแนวทางการสร้าง Blog ของตัวเองเลย ก็เลยคิดว่าถ้านึกอะไรออกก็จะมาเขียน Blog เอา ถ้าผู้ใดหลงเข้ามาอ่านแล้วมีอะไรแนะนำ หรือต้องการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นก็เต็มที่เลยน้า เอาล่ะ เดี๋ยวไปหาเรื่องเขียนก่อน