Tab

Labels

2554-05-15

How to วิธีห่อปกหนังสือ

เนื่องจากที่เป็นคนชอบอ่านหนังสือมาก และชอบซื้อหนังสือและฟิคออนไลน์ เป็นคนรักหนังสือด้วย เมื่อก่อนเวลาซื้อหนังสือมา ทางร้านจะแถมปกพลาสติกสำเร็จรูปมาให้ด้วย แต่เป็นคนไม่ชอบปกสำเร็จรูปเพราะเวลาถืออ่านแล้วตรงกลางมันจะป่องๆเวลาอ่านก็ไม่สะดวก แต่อยากที่จะห่อปกหนังสือเพราะเป็นการถนอมหนังสือ ประจวบเหมาะกับเพื่อนได้ไปทำงานที่ร้านเช่าหนังสือการ์ตูน เลยได้วิชาห่อปกหนังสือการ์ตูนจึงนำมาถ่ายทอดต่อให้เรา(เหมือนเราจะดูหนังจีนมากไปแฮะ)  ต่อค่ะ แต่ว่าวิชาที่ได้มาเนี่ยสำหรับห่อการ์ตูนจำนวนเยอะๆและต้องการความรวดเร็ว เลยค่อนข้างที่จะไม่ประณีตและต้องติดสก็อตเทปบนปกหนังสือ(เมื่อก่อนเราก็ห่อแบบนั้นแหละ T^T เสียดายปกหนังสือมากเป็นรอยสก็อตเทปหนึบเลย)  พึ่งจะมาสำเหนียกได้ว่าควรจะปรับปรุงวิธีห่อหนังสือได้แล้ว และวิธีที่เอามาทำฮาวทูคือวิธีที่เรานำมาปรับปรุงใหม่สำหรับคนรักหนังสือเช่นเราค่ะ แต่เห็นมีพี่บางคนเค้าไม่ต้องใช้สก็อตเทปเลย แต่เราไม่สามารถ T^T  วิธีนี้ค่อนข้างประณีตและช้ากว่าแต่สำหรับเราคุ้มค่ะ เพราะหนังสือสวยน่าอ่านและกันน้ำได้ระดับนึง ก่อนอื่นไปดูอุปกรณ์กันเลยจ้า

- ม้วนพลาสติกสำหรับห่อหนังสือ ม้วนนึงห่อได้หลายร้อยเล่มเลยค่ะ คุ้มสุดๆ ของเราขนาด 9-6/8 นิ้ว
- ฟุตเหล็ก แนะนำว่าควรเป็นฟุตเหล็กเลยนะ เพราะเคยซื้อแบบอลูมิเนียมมาคิดว่าคัตเตอร์คงไม่กินเนื้อแบบไม้บรรทัดพลาสติก  แต่ตอนใช้ตัดไม่ตรงเลยค่ะ  เนื้ออลูมินียมมันลื่นไม่เหมือนฟุตเหล็ก เราซื้อที่ B2S เราว่าถูกดีนะแต่ต้องเลือกที่ B2S ผลิตเองนะคะ
- แผ่นรองตัดคัดเตอร์ เรามีแต่ขนาด A4 จริงๆอยากได้ใหญ่กว่านี้นะใครมีแหล่งซื้อแบบราคาย่อมเยาว์รบกวนชี้เป้าหน่อยจ้า แต่วันนี้ใช้ที่มีไปก่อน ^^
- คัตเตอร์คมๆ เราซื้อที่ร้าน 20 บาททุกอย่าง ทั้งแพ็คประกอบด้วยแบบเล็กอย่างในภาพ 2อัน แบบใหญ่ 2อัน แถมใบมีดอะไหล่อีกไซด์ละ 2ใบ 20บาทคุ้มมากมาย
- บัตรหรือการ์ดแข็งๆ ที่ไม่ใช้แล้ว
- สก็อตเทป เราใช้เมจิกเทปของ 3M แพงกว่าสก็อตเทปทั่วไปแต่คุ้มในระยะยาวเนื่องจากไม่ทำลายพื้นผิวเอกสารและไม่หลุดร่อน เค้าโฆษณาไว้ว่างี้นะ เราเชื่อคนง่าย ตอนนี้มีโปรซื้อ 1 แถม 1 ต้องรีบซื้อตุน ส่วนแท่นตัดเทป  เราซื้อร้าน 25 บาททุกอย่างใส่ได้พอดีเป๊ะ ไฮโซเหมือนแท่นที่ 3M ขายด้วยแต่อันนั้นหลักร้อยขึ้น
หนังสือที่เราจะห่อจ้า ส่วนเราจะห่อฟิคที่เพิ่งซื้อมา เมื่ออุปกรณ์พร้อมก็เริ่มกันเลย
1. ตัดพลาสติกห่อ โดยกะขนาดให้เลยขอบหนังสือที่เราจะห่อมานิดหน่อย
ของเราเหลือข้างละเกือบ 2 นิ้ว

2. เปิดหนังสือพับพลาสติกเข้า และรีดให้เรียบ

3. ทำทั้งสองด้านเลยนะ ทั้งปกหน้าและปกหลัง
4. ระหว่างที่พับต้องดึงให้ตึงนะ ถ้าไม่ตึง พอห่ออกมาแล้วจะไม่สวยอย่างแรง
5. พอพับเข้าไปแล้วก็จะได้ออกมาเป็นเช่นนี้
6. เอียงคัตเตอร์ทำมุม 45 องศา กะๆเอาคงไม่ต้องถึงกับวัดหรอกเนอะ
กรีดฝั่งสันหนังสือนะ กรีดทั้งหัว-ท้าย หนังสือ
7. กรีดแล้วจะออกมาเป็นเช่นนี้แล
8. ตัดส่วนที่เรากรีดไว้ออก ขั้นตอนนี้คัตเตอร์ต้องคมนะคะ
เพื่อที่รอยกรีดจะได้สวยๆ
9. หาอะไรทับระหว่างตัดก็ได้ค่ะ จะได้ง่ายขึ้น และรอยที่เราพับจะไม่เลื่อนด้วย
10. หลังจากกรีดแล้วจะเป็นเช่นนี้จ้า แหม เล่มที่ทำฮาวทูเรากรีดสวยแฮะ 
(แอบชมตัวเอง 555+)
11. มาดูตรงมุมส่วนปกกันบ้าง กรีดตรงมุมออกเล็กน้อยค่ะ ตามรูป 
อันนี้เราลองมั่วๆจนได้มา  ปกติจะพับขึ้นไปเลย พอห่อแบบนั้นแล้ว
มุมหนังสือจะแหลมๆออกมาไม่เรียบสวย พอกรีดตรงมุมออก 
เวลาห่อเสร็จตรงมุมหนังสือทั้งสี่ด้านจะเนียน  
แต่อย่าให้คัตเตอร์กินมุมปกนะ เดี๋ยวจะแหว่ง
12. มุมปกเสร็จแล้ว มาดูส่วนด้านในปกกันบ้าง เอาการ์ดรองด้านในแล้วกรีดเฉียงลงมาโลด
อันนี้ก็เป็นอีกเทคนิคที่มั่วได้มา เพราะเคยพับไปเลยแล้วพลาสติกด้านในมันไม่เรียบ มันจะโป่งขึ้นมานิดนึง
ซึ่งเราต้องพับหลายหนมากกว่ามันจะเรียบ แต่ปัญหานี้จะหมดไปถ้าเรากรีดส่วนปกในทิ้งไป
กรีดให้พอดีกับขอบปกเลย ทีนี้เวลาพับก็จะง่ายขึ้น แต่ต้องระวังอย่ากรีดโดนปกนะจ๊ะเดี๋ยวจะไม่งาม
13. เมื่อกรีดเสร็จแล้วก็จะเป็นเช่นนี้แล
14. พับขึ้นไปเลย รีดให้เรียบกริบ แหม มันง่ายจริงๆ ไม่ต้องมานั่งกลัวว่าขอบจะโป่ง
15. แปะสก็อตเทปป้าปเข้าไป แปะเฉพาะตรงพลาสติก อย่าให้กินเข้ามาตรงปกนะคะ 
ทำขั้นตอนที่ 11-15 อีกสามมุมที่เหลือ ก็เรียบร้อย 
ได้หนังสือที่เราตั้งใจห่อ + สวยงาม มาเชยชมอีกหนึ่งเล่ม
งามจริงๆทั้งปกหน้า

ตรงมุมก็ไม่แหลมออกมา ให้รำคาญลูกตา
สันบนก็เรียบกริบ อิอิ
แว้บมาดูปกด้านในก็เนียนเชียว
 ขอจบการฮาวทูครั้งแรกแต่เพียงเท่านี้ ถ้าใคร งง ตรงไหนเม้นท์ถามได้จ้า
เราอาจจะอธิบายไม่เคลียร์ ครั้งหน้าจะปรับปรุงให้ดีกว่านี้ ขอบคุณที่แวะมาอ่านนะคะ








































































2554-03-27

Review หนังสือ งานหนังสือ 26 มี.ค 54

     หลังจากที่ไม่รู้จะเขียนอะไรลง Blog เราก็นึกถึงเรื่องที่อยากเขียนได้แล้ว หลังจากวันนี้ที่ไปงานหนังสือมา เนื่องจากศูนย์สิริกิติ์ ใกล้ทั้งที่บ้านและที่ทำงานจึงสามารถไปเดินดูแล้วค่อยตัดสินใจกลับไปซื้อวันหลังได้ ได้เปรียบชาวบ้านชาวช่องก็ตรงนี้แหละ 555+ เนื่องจากเพิ่งวันที่ 2 ของการจัดงาน คนเลยไม่ค่อยเยอะมากเท่าใดนัก เดินสบายอยู่ รู้สึกว่าเด็กค่อนข้างเยอะเหมือนพ่อแม่พาลูกไปซื้อหนังสือ เรารู้สึกดีนะที่รู้ว่าเด็กไทยก็รักการอ่านด้วย โดยเฉพาะซุ้มนานมี บุ๊ค เด็กค่อนข้างเยอะเลย จริงๆสำหรับเด็กอ่านอะไรก็ได้นะสำหรับตัวเราให้เค้าอ่านเถอะ ไม่ว่าจะเป็นการ์ตูน นิยาย หรือเรื่องสั้น เพราะเป็นการปลูกฝังการรักการอ่านให้กับเด็ก พล่ามมาเยอะแล้วก็มาเปิดถุงที่ซื้อหนังสือมาซะที


ประเดิมด้วยนิยายยูริ (Yuri)


     
          1.เพียงเงา โดย วรกร ของ สนพ.สะพาน ราคา 330 บ.
เรื่องนี้ถือเป็นนิยายที่เราตั้งใจกำเงินไปซื้อเลยทีเดียว เพราะเคยอ่านที่ลงใน web มาก่อนและเนื้อเรื่องสนุกมากๆ ภาษาก็อ่านลื่นไหล แม้ว่าจะอ่านแล้วไม่ค่อยเม้นท์ให้คุณวรกร (ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ) แต่เราก็ไม่พลาดที่จะซื้อมาเก็บเป็นสมบัติส่วนตัว อ่านตอนลง Web แล้วยังเคยนึกอยากได้เป็นเล่มเก็บไว้เลย  เป็นคนที่อ่านหนังสือซ้ำได้หลายครั้ง เพราะฉะนั้นถ้าซื้อก็คุ้มเราล่ะ สำหรับเนื้อเรื่องถ้าใครอยากอ่านก่อนลองไปหาอ่านดูได้ค่ะ เพราะเราลองเขียนเกริ่นๆแล้วมันแหม่งมาก เดี๋ยวนิยายเค้าเสียหมด ถ้าชอบก็อุดหนุนเถอะค่ะ นิยายแนวนี้ค่อนข้างหาอ่านยากอยู่แล้ว ถือว่าเป็นการสนับสนุนนักเขียน  และในแบบรูปเล่มจะมี ตอนพิเศษที่ไม่ได้ลงใน Web อันนี้แหละที่เรารอคอย อิอิ กะว่าซื้อมาห่อปกและนอนอ่านอย่างสบายใจ 555+ ชอบหนังสือที่มีที่คั่นเข้าชุดกับหน้าปก และปกเรื่องนี้เราว่าสวยแบบคลาสสิกดีค่ะ


          2.ชู้ รวมเรื่องสั้น อยู่ในชุด She Erotic 03 (รวมนักเขียน) ของ สนพ.สะพาน ราคา 220 บาท
   เรื่องนี้หลงลมปากคนขาย ติดมากับเพียงเงาซะงั้น เห็นหน้าปกแล้วหัวใจจะวายถ้าท่านแม่มาหยิบไปอ่านล่ะตายเลย ไม่อยากจะคิด T_T'' สงสัยต้องหากระดาษมาห่อ พี่คนขายบอกว่าสนุกและจะได้ลองอ่านงานเขียนของนักเขียนหลายๆท่านซึ่งก็จริง เพราะเราถ้าติดงานเขียนท่านไหนแล้วก็จะติดตามอ่านผลงานของนักเขียนท่านนั้นทุกเล่ม เหมือนของคุณลลนล ซื้อทุกเล่มเลยยกเว้น Yes และ No ตอนแรกก็ว่าจะซื้อแต่ทาง สนพ.เปลี่ยนปกเป็นรูปดารานำในภาพยนตร์ของหนังเรื่องนี้ เลยไม่ซื้อเพราะส่วนตัวไม่ชอบปกนิยายที่เป็นรูปคน เดี๋ยวค่อยหาซื้อหน้าปกเก่าทีหลัง ออกทะเลไปนิด กลับมาก่อนตัวเธอ โอเคมาต่อกันกับ 'ชู้' ชื่อเรื่องก็นะออกจะแรงนิดนึง เรื่องนี้ยังไม่เคยอ่านเลยเดี๋ยวถ้าอ่านแล้วจะมาเม้นเพิ่ม พี่คนขายบอก สำหรับหน้าปกมีการเปิดโหวตด้วยว่าจะให้ยกทรงเป็นสีอะไรระหว่างชมพูกับดำ(ปกหลังจะเป็นมือผู้หญิงเอื้อมไปติดตะขอ ยกทรงสีดำสงสัยผลโหวตสูสี 555+) T_T ฟังแล้วอึ้ง ไอ้เราก็นึกว่าจะโหวตว่าเป็นครึ่งบน หรือครึ่งล่าง อิอิ (หื่นกว่าเค้าอีก)


วรรณกรรมคลาสสิค (สำหรับเรา)



     3.เมื่อคุณตาคุณยายยังเด็ก เล่ม 1-4 ของสนพ.บูรพาสาส์น ราคาเล่มละ 44 บาท
เซ็ทนี้ไปเจอปุ๊ปควักเงินแบบไม่ต้องคิดเลย คลาสสิคสุดๆ ตอนม.ต้นเคยอ่านแต่เล่ม 1-2 เพิ่งจะมารู้อีก 10 กว่าปีต่อมานี่แหละว่ามีเล่ม 3-4 ด้วย ต้องเกริ่นบอกเด็กรุ่นหลังนิดนึง (นาทีนี้รู้สึกตัวเองแก่มาก) ว่าเมื่อคุณตาคุณยายยังเด็กเคยเป็นหนังสืออ่านนอกเวลาของนักเรียนสมัยก่อนไม่แน่ใจว่าป.5-6 หรือ ม.1 เป็นเรื่องว่าด้วยคล้ายๆกับคุณตา คุณยายเล่าให้เราฟังว่าสมัยท่านเด็กๆ ท่านอยู่ยังไง เล่นอะไรบ้าง อาหารการกิน เชื่อว่าเด็กสมัยนี้ไม่น่าจะเคยได้อ่าน แนะนำมากๆ เหมือนเราได้ย้อนไปดูการใช้ชีวิตของปู่ย่าตายาย วัฒนธรรมสมัยก่อน หลายๆอย่างที่มีในหนังสือเด็กสมัยนี้ไม่น่าจะรู้จักแล้ว เราไปเดินงานหนังสือทุกปี แต่ไม่เคยเจอหนังสือเซ็ทนี้เลย ถือว่าโชคดีมากๆสำหรับเรา ว่าแล้วก็สอยมาเก็บเป็นสมบัติส่วนตัวอีก 1 เซ็ทแล้วราคาไม่แพงเลยสำหรับเรา เห็นแล้วก็นึกย้อนไปสมัยอยู่ ประถม มัธยม ถ้าเจอ มานะ มานี ชูใจ อีกนี่จะซื้ออย่างด่วนๆ (รู้กันหมดว่าเราแก่แล้ว) อีกเรื่องที่ประทับใจคือ อยู่กับก๋งซึ่งเป็นหนังสืออ่านนอกเวลาอีก 1 เรื่อง จำได้ว่าอ่านหลายรอบมาก และหนังสือก็หายไปกับกาลเวลา

      4.ทำไม?ต้อง iPod ราคา 20 บาท
 ถูกมาก สี่สีทั้งเล่ม แต่เป็นหนังสือเก่าตั้งแต่ iTune เวอร์ 6 ล่าสุด 10 แล้ว ส่วนตัวก็ใช้ iPod ด้วยค่อนข้างชอบแบรนด์นี้เป็นการส่วนตัว ซื้อง่าย ขายคล่อง เสียก็มีที่รับซ่อมเยอะแยะ ทน อึด ถึกสุดๆ ถือว่าซื้อมาดูรูปไอพอดรุ่นเก่าๆ ก็คุ้มแล้ว


                   
                              ถ่ายรวมอีกสักภาพเป็นที่ระลึก เดี๋ยวขอตัวไปห่อก่อนเน้อ

2554-03-24

เวิ่นเว้อ

หลังจากที่มีความคิดว่าจะสร้าง Blog ของตัวเองก็ได้ทำสักที แม้ว่าจะทำที่ทำงานและในเวลางาน (ใครเค้าจะจ้างเราทำงานล่ะทีนี้) ยัง งง กับระบบนิดหน่อย ด้วยความไม่เคยมี Blog เป็นของตัวเอง แต่ไม่เป็นไร เราถือคติ ไม่มีใครรู้หรือทำอะไรเป็นตั้งแต่เกิด ฉะนั้นค่อยๆเรียนรู้ไป ยังไม่ได้วางแนวทางการสร้าง Blog ของตัวเองเลย ก็เลยคิดว่าถ้านึกอะไรออกก็จะมาเขียน Blog เอา ถ้าผู้ใดหลงเข้ามาอ่านแล้วมีอะไรแนะนำ หรือต้องการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นก็เต็มที่เลยน้า เอาล่ะ เดี๋ยวไปหาเรื่องเขียนก่อน